
ทำความรู้จัก Business Model Canvas (BMC) คือ แบบจำลองธุรกิจ ที่ต้องรู้! หากอยากทำธุรกิจออนไลน์ให้สำเร็จ
การเริ่มต้นทำธุรกิจสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ เริ่มต้นขายของออนไลน์ ก็เป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับใครหลายๆคน เพราะแน่นอนว่าการจะเริ่มต้นธุรกิจสักอย่างจำเป็นที่จะต้องวางแผนให้รอบคอบที่สุด คงไม่มีใครอยากจะขาดทุนไปแบบน่าเสียดายใช่มั้ยละ วันนี้ Shoplus โปรแกรมช่วยแม่ค้าไลฟ์สดและผู้ช่วยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ขอนำเสนอวิธีช่วยให้คุณวางแผนธุรกิจได้อย่างรอบคอบ มองภาพรวมของธุรกิจได้อย่างทะลุปุโปร่งที่สุดอย่าง Business Model Canvas หรือ BMC ที่ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจแบบไหน จะออนไลน์หรือออฟไลน์ ก็สามารถใช้เครื่องมือตัวนี้ได้ โดย BMC คือ การวางแผนขั้นพื้นฐานที่หลายๆ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จก็เริ่มต้นธุรกิจจากการวางแผนผ่าน Business model canvas กันทั้งนั้น หากอยากรู้แล้วว่า Business model canvas มีดีอย่างไร ไปดูกันเลย!
Business model canvas (BMC) คืออะไร?
Business model canvas (BMC) คือ แนวคิดด้านการจัดการสุดเจ๋งจาก Alex Osterwalder ที่ออกแบบให้คนที่อยากเริ่มทำธุรกิจ หรือต้องการวางแผนนั้นเอง โดยคอนเซ็ปของ BMC ก็คือการจัดระเบียบแนวไอเดียของธุรกิจ เพื่อที่จะสามารถมองเห็นภาพรวมได้นั้นเอง โดย Business model canvas ก็จะมีรูปแบบเป็นหน้ากระดาษหนึ่งหน้า แบ่งออกเป็นช่องต่างๆ โดยทีแต่ละช่องจะอธิบายถึงองค์ประกอบต่างๆ ของธุรกิจคุณ
ทำไม Business Model Canvas (BMC) คือสิ่งที่จำเป็น?

การวางแผนธุรกิจผ่าน Business Model Canvas (BMC) จะช่วยให้เราร่างรายละเอียด องค์ประกอบที่สำคัญต่างๆ ในการทำธุรกิจได้แบบภาพรวม และเข้าใจธุรกิจนั้นๆ อย่างทะลุปุโปร่ง มองเห็นอย่างรอบด้าน และเกี่ยวเนื่องกัน รู้ได้ทันทีว่าส่วนไหน Business model canvas ยังสามารถทำให้ทุกคนในองค์กร ทีมงาน หรือบริษัทของคุณสามารถเข้าใจรูปแบบ แผนการ และที่สำคัญคือ หัวใจหลักของธุรกิจได้ทันที ทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นทีมและเป็นระบบ ไม่ต้องมานั่งอ่านรายงานเล่มหนาอีกแล้ว
ขั้นตอนและคำอธิบายในแต่ละช่องของ Business Model Canvas (BMC)
ใน BMC คือ จะประกอบไปด้วยทั้งหมด 9 ช่องด้วยกัน ซึ่งแต่ละช่องก็จะเป็นหัวข้อขององค์ประกอบที่สำคัญมากๆ ในการทำธุรกิจ ที่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป เพราะฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกัน ว่าแต่ละช่องมีความหมายอย่างไร และสำคัญอย่างไรกันดีกว่า
Step 1 : คิดก่อนว่าจุดมุ่งหมายของธุรกิจคุณคืออะไร

สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ การกำหนดให้ออกก่อนว่า เส้นชัยของธุรกิจคุณคืออะไร เพื่อที่จะได้วัดในตอนจบได้ว่า โมเดลหรือแผนธุรกิจที่คุณกำลังจะทำ มันจะช่วยพาคุณไปถึงเส้นชันได้จริงหรือเปล่านั้นเอง และแน่นอนว่าจุดเป้าหมายของธุรกิจส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องผลกำไรด้านเงินเท่านั้น อาจะจะเป็นผลประโยชน์ต่อส่วนรวม หรือด้านจิตใจก็ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น
- เพื่อป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าในป่าแถบชายแดน
- สร้างเพิ่มผลกำไรอีก 20% ภายในสิ้นปีนี้
- เพื่อรักษาประเพณีของชนเผ่าพื้นเมือง และสร้างรายได้ตอบแทนให้กลุ่มชนเผ่า
Step 2 : Value Proposition
Value Proposition จัดเป็นองค์ประกอบขั้นพื้นฐานใน Business model canvas (BMC)ที่ทุกธุรกิจควรจะมีก่อนเริ่มทำการตลาด ซึ่งมันก็คือ คอนเซ็ปของคุณค่าที่แบรนด์สามารถมอบให้แก่ลูกค้า หรืออะไรเป็นสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหา Value proposition ไม่ได้หมายถึงว่าลูกค้าซื้ออะไร แต่เป็น “ทำไมต้องซื้อ” สินค้าหรือบริการของเราสามารถตอบปัญหา หรือช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างไร คุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับกลับไปหลังที่เขาจ่ายเงินเรานั้นเอง อาจจะเป็นการสร้างคุณค่าทางด้านสุขภาพ ภาพลักษณ์ ก็ได้ เพราะฉะนั้นการหาคุณค่าของธุรกิจเราให้เจอ นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
- ปัญหาอะไรที่ธุรกิจของเราสามารถแก้ไขได้
- ทำไมลูกค้าถึงต้องการสินค้าหรือบริการของเรา
- มีแรงจูงใจอะไรเพิ่มเติม ลูกค้าถึงจะอยากได้สินค้าของเรา
Step 3 : Customer Segments

ช่องใน Business canvas model ช่องนี้หมายถึง แบรนด์จะต้องเข้าใจว่า ลูกค้าของเราเป็นอย่างไร อยู่ในกลุ่มแบบไหนหรือแยกเป็นอย่างไร ที่มีความเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น อายุ เพศ ความสนใจ หรือรูปแบบการจับจ่ายใช้สอย และกลุ่มลุกค้าของคุณเป็นแบบในกลุ่มขนาดใหญ่ หรือค่อนข้างจะเฉพาะเจาะจง การเข้าใจกลุ่มลูกค้าจะช่วยให้เราวางแผนช่องทาง (channel) หรือรูปแบบการตลาดอื่นๆ ได้อย่างตรงจุด
- ใครที่เราต้องการจะแก้ไขปัญหาให้
- ใครจะที่ชื่นชอบและเห็นคุณค่าจากสินค้าของเรา
- สินค้าเราจะเป็นที่สนใจในกลุ่มลูกค้าผู้หญิง หรือผู้ชายมากกว่ากัน
Step 4 : Customer Relationships
หลังจากเข้าใจ Value proposition และ Customer segment แล้ว ก็สามารถเข้าใจ Customer relationship ได้ไม่ยาก ซึ่งนี้ก็หมายถึงว่า เราจะมีส่วนร่วมกับลูกค้ากลุ่มนั้นๆ ได้อย่างไร โดยจะเป็นความสัมพันธ์ระยะสั้น หรือระยะยาว ลูกค้าของเราชื่นชอบการคุยกับพนักงาน ทางโทรศัพท์ หรือโดยตรง? จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือใดๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ และเราจะสามารถรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าของเราได้อย่างไร ซึ่งหากทำได้ดี ลูกค้าก็จะมีความชื่นชอบและกลายเป็นลูกค้าประจำได้นั้นเอง
- สินค้าของเราจำเป็นที่จะต้องมีบริการหลังการขายหรือ Call center
- ลูกค้าชื่นชอบที่จะชมสินค้า หรือถามรายละเอียดจากพนักงานแนะนำสินค้า
Step 5: Chanel

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญใน Business canvas model ก็คือ “ช่องทาง” ที่เราจะใช้ในการเข้าถึงลูกค้าของเรานั้นเอง เช่นเดียวกับ เราจะส่งมอบสินค้าของเราได้ทางช่องทางไหน รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นในทางออฟไลน์ หรืออนไลน์ก็ตาม ธุรกิจควรวางแผนช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าตั้งแต่เริ่มไปจนถึงหลังการขาย โดยช่องทางนั้นมีหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ ทีวี ป้ายโฆษณา เว็บไซต์ ฯลฯ
- ลูกค้ามีการใช้โชเชีบลมีเดียหรือไม่ หากใช่ จะเป็นช่องทางใด
- ลูกค้าชื่นชอบไปงานอีเวนท์ต่างๆหรือไม่
Step 6 : Key resource
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันใน Business Model Canvas สำหรับการจัดการธุรกิจ ก็คือ เรื่องของ “ทรัพยากร” นั้นเอง ซึ่งรวมไปถึง เครื่องจักร กำลังคน แรงงาน หรือจะเป็นลิขสิทธิต่างๆก็สำคัญ คุณไม่จำเป็นจะต้องนั่งใส่ทรัพยากรทั้งหมดที่ธุรกิจของคุณมี แค่ทรัพยากรหลักๆ ที่ถ้าหากว่าขาดไปแล้วละก็ ธุรกิจจะไม่สามารถทำงานต่อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็พอ โดยอาจจะแยกเป็นทรัพยากรที่เรามีอยู่ กับ ทรัพยากรที่ธุรกิจควรมี
Step 7 : Key Partners

Key partners นั้นก็คือ กลุ่มคน หรือธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับเรา ธุรกิจส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะมี Partner กันทั้งนั้น เพราะจะช่วยแบ่งเบาภาระ หรือมาเพิ่มกำลัง ประสิทธิภาพให้กับแบรนด์ได้ โดย Business canvas model ก็ได้มีช่องนี้เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจพาร์ทเนอร์ว่า พวกเขามีประโยชน์ต่อแบรนด์คุณอย่างไร และจะช่วยให้ธุรกิจของคุณไปถึงจุดมุ่งหมายได้หรือไม่
- พาร์ทเนอร์ช่วยผลิตวัตถุดิบให้กับคุณ ในระยะเวลาที่สั้นกว่า และงบประมาณที่น้อยกว่า
- พาร์ทเนอร์กับบริษัท HR เพื่อช่วยจัดการเรื่องบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพกว่า
Step 8 : Key Activities
สำหรับช่อง Key activities ใน Business canvas model นี้หมายถึง กิจกรรมหลักๆ หรือขั้นตอนที่จำเป็นจะต้องผ่านก่อนส่งมอบสินค้าให้ลูกค้านั้นเอง ซึ่งธุรกิจหลายๆ ธุรกิจก็จะมีขั้นตอนหรือ Key activites ที่ต่างกันออกไป โดยคุณจะต้องวางแผนไปจนถึงระยะเวลาของแต่ละกิจกรรม เลยทีเดียว
Step 9 : Cost Structure

อีกหนึ่งองค์ประกอบสุดสำคัญใน Business canvas model หรือก็คือ “ต้นทุน” นั้นเอง ซึ่งใน Business canvas model นี้คุณสามารถร่างรายจ่ายหลักๆ ที่จำเป็น และมันสามารถเพิ่มหรือลดยอดการขายอย่างไร มีความจำเป็นอย่างไร โดยอาจจะเป็นรายจ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไป เช่น ค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าใช้จ่ายที่ให้เพื่อเพิ่มยอดกำไร เช่น ค่าประชาสัมพันธ์ ค่าสินค้าเป็นต้น
Step 10 : Revenue Streams
Revenue streams ใน Business Model Canvas จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงช่องทางของรายได้จากช่องทางต่างๆ หรือจากกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน การแยกรายได้ออกจะช่วยให้เราเห็นว่า ช่องทางไหนมีโอกาสมากกว่าช่องทางใด หรือกลุ่มลูกค้ากลุ่มใดมีการซื้อบ่อยกว่า และผ่านช่องทางใด เป็นต้น
หากพอเข้าใจองค์ประกอบทั้ง 9 ของ Business model canvas หรือ BMC คืออะไร แล้ว การวางแผน เริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ หรือออฟไลน์ก็ดูไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะด้วย Business Model Canvas เราสามารถมองเห็นถึงภาพรวม และเข้าใจแล้วว่าองค์ประกอบต่างๆ มีความสอดคล้องเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร ไม่ว่าจะมือใหม่ก็สามารถวางแผนได้ง่ายๆ เพราะว่า Business canvas model จัดว่าเป็นเครื่องมือที่ง่ายดาย และเหมาะสำหรับการวางแผนธุรกิจทุกรูปแบบเลย เพราะการทำธุรกิจนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนที่ดี รวมไปถึงการจัดการที่มีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่กำลังทำธุรกิจออนไลน์และมองหาตัวช่วยดีๆ ไว้ช่วยบริการร้านค้าออนไลน์อยู่ละก็ ขอแนะนำนี้เลย “Shoplus” ตัวช่วยจัดการเพจร้านค้า โปรแกรมช่วยแม่ค้าไลฟ์สด ด้วยระบบ AI smart live สุดอัจริยะ ให้คุณขายของออนไลน์ได้ปังกว่าที่เคย
อย่าลืม แอดไลน์ @shoplusth เพื่อติดตามข่าวสาร การตลาดออนไลน์ เทคนิคการขายของ และบทความดีๆอีกมากมาย ได้ก่อนใคร อัพเดทตลอดทุกอาทิตย์ หรือสอบถามโปรโมชั่นหากสนใจ ระบบ Shoplus ช่วยคุณจัดการร้านค้าอย่างมีประสิทธิภาพ แถมประหยัดเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ! ด้วยระบบ AI อัจฉริยะ จะไลฟ์ขายของ หรือโพสต์ขายของก็ไม่ปัญหา เก็บครบจบทุกออเดอร์ แถมมีทีมงานคอยช่วยเหลือแบบใกล้ชิด ทดลองใช้ฟรี ได้ครบทุกฟีเจอร์ มาเปิดประสบการณ์และยกระดับเพจของคุณไปอีกขั้น มาเป็นครอบครัวเดียวกับ Shoplus กันนะ!