
ทริคเด็ด! ลงโฆษณา Facebook ยังไงให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
ยุคนี้ไม่ว่าใครๆก็อยากจะหารายได้เสริมและลุกขึ้นมาขายของออนไลน์กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะผ่านแอพลิเคชั่นขายสินค้าหรือจะผ่านโซเชียลมีเดีย แต่ที่เห็นจะเป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่งในประเทศไทยคงหนีไม่พ้น Facebook เพราะเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายที่สุด และแน่นอนว่าเมื่อมีผู้ขายเยอะก็ทำให้การแข่งขันสูงมากเหมือนกัน เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายๆคนก็อาจจะใช้วิธีการลงโฆษณาบน Facebook เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น แต่ด้วยเพราะอัลกอริทึมบางอย่าง โฆษณา Facebook ของเพื่อนๆ ก็อาจจะไม่ได้ผลดีเท่าที่หวังไว้ หรือพูดง่ายๆว่าได้ไม่คุ้มเงินที่เสียไป เพราะ Facebook มีข้อจำกัดหลายๆ อย่างที่เพื่อนๆอาจจะยังไม่ทราบ วันนี้ Shoplus เลยจะมาเผยทริคเด็ดในการลงโฆษณา บน Facebook ให้คุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายไป รับรองว่าหลังอ่านบทความนี้จบ เพื่อนๆจะต้องประหยัดงบโฆษณา Facebook ไปอีกเท่าตัวอย่างแน่นอน!

เราลงโฆษณาไปเพื่ออะไร
ขั้นตอนแรกเลยก่อนที่คิดจะลงโฆษณา คือเพื่อนๆ จะต้องรู้ก่อนว่าเราจะลงโฆษณาไปเพื่ออะไร เพื่อเป็นแนวทางให้กับโฆษณา Facebook ของเรา โดยเพื่อนๆอาจจะลงโฆษณา เพื่อเพิ่มยอดขาย, เพื่อเพิ่มการติดตามบนเพจ หรือเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้า ถ้าเกิดว่าเรารู้จุดประสงค์แล้ว เรื่องอื่นๆก็จะง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกลุ่มเป้าหมาย การเขียนแคปชั่น หรือแม้กระทั่งการเลือกรูปภาพเพื่อลงโฆษณาของเพื่อนๆก็จะง่ายมากขึ้นนั่นเองค่า
เราลงโฆษณาให้ใครดู
หลังจากที่เราได้จุดประสงค์ของการลงโฆษณาครั้งนี้แล้ว เราก็ต้องมาดูกันค่ะว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร จะให้ดีเพื่อนๆก็ควรที่จะเจาะจงไปเลยว่าเป็นคนกลุ่มไหน อายุเอาไหร่ ผู้หญิงหรือผู้ชาย มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ยิ่งเจาะจงได้ยิ่งดีค่ะ หลายคนมักจะเข้าใจผิดคิดว่าการลงโฆษณาให้ผู้รับเป็นวงกว้างจะช่วยให้มียอดขายมากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วการลงโฆษณาโดยไม่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายจะทำให้เพื่อนๆเปลืองงบประมาณในการลงโฆษณามากยิ่งขึ้นนะคะ นอกจากนี้ ด้วยความฉลาดของโฆษณา Facebook เดี๋ยวนี้ที่เก็บข้อมูลของผู้บริโภคไว้ละเอียดยิบว่ามีความสนใจอะไร เคยเข้าดูเพจหรือเว็บไซต์อะไร ก็จะช่วยให้เพื่อนๆสามารถเลือกกลุ่มลูกค้าที่เพื่อนๆอยากจะลงโฆษณาด้วยได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่า
ลองสังเกตรายละเอียดเล็กๆ บนโฆษณา Facebook
เพื่อนๆเชื่อไหมคะว่าจุดเล็กๆน้อยบนโฆษณา Facebook ก็มีผลต่อการลงโฆษณา แถมเจ้าจุดเล็กๆพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่เพื่อนๆไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะหากพลาดนิดเดียวก็อาจจะทำให้โฆษณา Facebook ของเพื่อนๆไม่แสดงบนหน้า Facebook ก็ได้นะ! ถ้าอยากรู้แล้วว่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่า

1.คำบรรยาย (Caption)
แคปชั่นที่ดีควรเป็นแคปชั่นที่คนอ่านสามารถอ่านได้จนจบและไม่เบื่อ อย่างที่เราทราบกันดีนะคะว่าคนเราไม่สามารถจะโฟกัสที่อะไรนานๆ ได้ เพราะฉะนั้นก็บอกลาแคปชั่นยาวยืดเลยจ้า ลองเปลี่ยนเป็นแคปชั่นสั้นๆได้ใจความ ไม่ต้องเน้นรายละเอียดเยอะ ถ้าเป็นการพูดถึงสินค้าก็ลองเขียนเพียงคุณสมบัติเด่นๆ สั้นๆเป็นข้อย่อยๆก็พอ นอกจากจะช่วยดึงดูดสายตาของคนอ่านแล้วยังทำให้อัลกอริทึมของเฟสบุ๊คดันโฆษณาของเราให้เป็นที่มองเห็นต่อกลุ่มเป้าหมายของเราได้ง่ายขึ้นด้วยนะ!

2.รูปภาพ (Photos)
แน่นอนว่าภาพเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาทุกคนก่อนสิ่งอื่นๆเพราะฉะนั้นภาพที่สนใจก็จะยิ่งส่งผลให้โฆษณา Facebook ของเพื่อนๆมีชัยไปกว่าครึ่ง ทางที่ดีเพื่อนๆก็ควรจะใช้ภาพสินค้าที่เพื่อนๆถ่ายขึ้นมาเอง เพื่อจะได้สร้างความยูนีคไม่เหมือนใคร และยังไม่เสี่ยงปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์อีกด้วย แต่ถ้าไม่สะดวกจะใช้ภาพที่ถ่ายเองก็สามารถใช้ภาพฟรีจากเว็บไซต์ Stock Photos ให้นะ! เอาเป็นว่าเลือกได้ตามที่สะดวกเลย แต่อย่าลืมศึกษาเรื่องลิขสิทธ์ภาพด้วยล่ะ

3.หัวเรื่อง (Headline)
ในโฆษณา Facebook จะมีหัวเรื่องอยู่ใต้ภาพโฆษณา ลองใช้หัวเรื่องที่สั้นๆ แต่ได้ใจความและดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ยิ่งถ้าเพื่อนๆขายสินค้าออนไลน์แล้วล่ะก็ ใส่ข้อความเกี่ยวกับโปรโมชั่นหรือคุณสมบัติเด่นๆของสินค้าเข้าไป รับรองว่าลูกค้าคนไหนๆก็ต้องหยุดเลื่อนจอโทรศัพท์มาแวะดูโฆษณาของเพื่อนๆแน่นอนค่ะ

4.ใช้ปุ่ม Call-to-Action
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะมองข้ามจุดนี้ แต่บอกได้เลยว่าเจ้าปุ่ม CTA หรือ Call-to-Action จะช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า แถมยังทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เพื่อนๆปิดการขายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ถ้าคิดไม่ออกว่าจะใช้ปุ่ม CTA เพื่ออะไรก็ลองย้อนกลับไปดูจุดประสงค์ที่เพื่อนๆเคยตั้งไว้ในข้อแรก แล้วก็ลองนำมาปรับใช้กับตัวโฆษณา Facebook ของเพื่อนๆดูนะคะ
เห็นอย่างนี้เพื่อนๆน่าจะพอรู้แล้วว่ารายละเอียดพวกนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้โฆษณา Facebook ของเพื่อนๆ แต่ด้วยความลึกลับซับซ้อนของอัลกอริทึม Facebook เพื่อนๆก็อาจจะต้องลองผิดลองถูกไปก่อนกับการลงโฆษณาช่วงแรกๆ ว่าโฆษณา Facebook แบบไหนที่จะดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายของเพื่อนๆได้มากที่สุด แต่ถ้าจะให้ลองผิดลองถูกตลอดไปก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะรู้ว่ารูปแบบโฆษณา Facebook แบบไหนที่จะเหมาะกับร้านค้าของเราจริงมั้ยล่ะคะ วันนี้ Shoplus ก็มีวิธีการทดลองการลงโฆษณาให้เพื่อนๆมาเป็นตัวอย่างให้ดูกัน จะเป็นวิธีอะไรนั้น ไปดูกันค่า
A/B Testing Method
วิธีการทดลองที่ว่านี้มีชื่อว่า A/B Testing Method นั่นเอง วิธีง่ายๆเลยคือเริ่มต้นให้เพื่อนๆสร้างแคมเปญขึ้นมา 1 แคมเปญ หลังจากนั้นก็สร้างโฆษณาในแคมเปญนั้นขึ้นมาทั้งหมด 3 ชิ้น และเลือกภาพมา 3 ภาพมาใช้สำหรับการโฆษณา โดยอาจจะเป็นทั้งภาพและวิดีโอสลับกันไป เลือกเอาตามที่เพื่อนๆสะดวกได้เลยนะคะ เราก็จะได้โฆษณาทั้งหมด 3 ชิ้นนั่นเองค่ะ
หลังจากที่ได้โฆษณาที่มีภาพต่างกัน 3 แบบแล้ว ก็ให้เพื่อนๆเพิ่มแคปชั่นได้เลยค่ะ โดยแต่ละชิ้นให้เขียนแคปชั่นแตกต่างออกไป 3 แบบ อาจจะแตกต่างกันที่ความยาวของแคปชั่นหรือตำแหน่งของแต่ละย่อหน้าก็ได้ เพื่อให้ได้โฆษณา Facebook ที่ต่างกันไปอีก 9 แบบนะคะ
หลังจากนั้นก็เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ต่างกันไป 5 แบบสำหรับโฆษณาทั้ง 9 แบบที่เรามีอยู่ก่อนหน้า ก็จะทำให้ได้โฆษณาเพิ่มมาเป็นทั้งหมด 45 แบบค่ะ ถ้าเพื่อนๆยังนึกภาพไม่ออก ลองดูภาพข้างล่างนี้ประกอบไปด้วยนะคะ

เมื่อได้โฆษณา Facebook ตามนี้แล้ว ก็ลองลงโฆษณาภายใต้แคมเปญเดียวกันดู แล้วเมื่อโฆษณาของเพื่อนๆ ได้ปรากฏบน Facebook แล้ว เพื่อนๆก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าโฆษณารูปแบบไหนที่มีการเข้าถึงมากที่สุด และถ้าหากโฆษณาตัวไหนไม่ได้รับการตอบรับทีดี เพื่อนๆก็แค่เลือกปิดการเผยแพร่โฆษณานั้นๆ เพื่อให้งบประมาณที่เพื่อนๆจ่ายไปได้ถูกนำไปใช้กับโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเองค่า
เห็นมั้ยคะ แค่เปลี่ยนวิธีการลงโฆษณาเล็กน้อย เพื่อนๆก็จะได้รู้แล้วว่ารูปแบบการลงโฆษณาแบบไหนที่เหมาะร้านค้าของเพื่อนๆ แถมประหยัดงบในการโฆษณาไปได้หลายเท่าตัวอีกด้วย เพื่อนๆก็อย่าลืมนำวิธี A/B Testing Method ที่ Shoplus มานำเสนอในวันนี้ไปลองใช้กับเพจร้านค้าออนไลน์ของเพื่อนๆกันนะคะ สำหรับสัปดาห์ต่อไป Shoplus จะมีเรื่องราว Trendy อะไรมานำเสนอเพื่อนๆอีกต้องรอติดตามชมนะคะ ♡
แล้วก็อย่าลืม แอดไลน์ @shoplusth เพื่อติดตามข่าวสาร การตลาดออนไลน์ เทคนิคการขายของ และบทความดีๆอีกมากมาย ได้ก่อนใคร อัพเดทตลอดทุกอาทิตย์ หรือสอบถามโปรโมชั่นหากสนใจ ระบบ Shoplus ช่วยคุณจัดการร้านค้าอย่างมีประสิทธิภาพ แถมประหยัดเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ! ด้วยระบบ AI อัจฉริยะ จะไลฟ์ขายของ หรือโพสต์ขายของก็ไม่มีปัญหา เก็บครบจบทุกออเดอร์ แถมมีทีมงานคอยช่วยเหลือแบบใกล้ชิด ทดลองใช้ฟรี 7 วัน! ได้ครบทุกฟีเจอร์ มาเปิดประสบการณ์และยกระดับเพจของคุณไปอีกขั้น มาเป็นครอบครัวเดียวกับ Shoplus กันนะ!