รู้จักตัวตนร้านค้า หาจุดเด่นของแบรนด์

วิธี Tie-in สินค้ายังไงให้ปัง!

วันที่ 11 สิงหาคม 2564 นี้ เวลา 14:30 น.

ลงทะเบียนเพื่อรับชมวิดีโอแบบเต็มรูปแบบและ
รับส่วนลดในการสมัครแพ็คเกจไปเลย 20%

Shoplus live 7

CHECKLIST! 7 ข้อควรรู้  ก่อนเริ่มทำ KOL MARKETING

การใช้ KOL เป็นตัวช่วยในการทำการตลาดถือเป็นวิธีที่มาแรงมากๆในยุคนี้ เพราะถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าการลงโฆษณาปกติทั่วไป แถมยังเหมาะกับธุรกิจทุกรูปแบบ ทุกขนาดอีกด้วย แต่ก่อนที่จะเริ่มการทำ KOL Marketing เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่ามีอะไรที่ร้านค้าควรรู้ก่อนที่จะจ้างคนไลฟ์มาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณ

1.ดูคุณสมบัติของ KOL ก่อนตัดสินใจจ้างคนไลฟ์

1.1 ถูกจริตกับแบรนด์

สิ่งสำคัญก่อนการจ้าง KOL คือ การเช็คว่า KOL มีความเข้ากันกับแบรนด์ของเราหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ หรือบุคลิกภาพ  เช่นถ้าหากสินค้าที่คุณต้องการขายเป็นผลิตภัณฑ์ความงาม คุณก็ควรที่จะจ้างคนไลฟ์สดขายของที่เป็นผู้หญิงนั่นเอง

1.2 ถูกจริตกับกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากพิจารณาความเข้ากันกับแบรนด์แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนที่จะจ้าง KOL คือยอด Reach ของ KOL คนนั้นๆ ว่ามีความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นคนที่มีกลุ่มเป้าหมายของคุณติดตามมาก แน่นอนว่าสินค้าของคุณก็จะได้รับยอดขายที่มากขึ้นตามมานั่นเอง

2.รู้จักลูกค้าของตัวเอง  

สิ่งสำคัญมากถึงมากที่สุดในการขายสินค้าออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดแบบไหนก็ตาม คือการรู้จักลูกค้าของคุณให้ดี เพื่อให้การขายสินค้าออนไลน์ของคุณมีประสิทธิภาพที่สุด การทำ KOL Marketing ก็เช่นกัน หากคุณรู้จักข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ ไลฟ์สไตล์ ความชอบต่างๆ คุณก็จะสามารถทราบได้ว่าคุณควรที่จะสื่อสารไปยังลูกค้าของคุณยังไง รวมถึงการจ้างคนไลฟ์ประเภทไหนที่จะมาช่วยไลฟ์ขายสินค้าให้กับคุณด้วยเช่นกัน

3.ความน่าเชื่อถือของ KOL 

จะรู้ได้ไงว่า KOL ที่คุณจะเลือกมาช่วยทำ KOL Marketing จะเป็นคนที่ทำให้สินค้าของคุณน่าเชื่อถือได้จริง? วิธีง่ายๆเลยคือการเช็คยอด Engagement ในโพสอื่นๆของ KOL คนนั้น ไม่ว่าจะเป็นยอดไลก์ แชร์ คอมเม้นต์ หรือยอดวิว  ดังนั้นคุณควรเช็คยอดเหล่านี้ให้ดีก่อนจะเริ่มจ้างคนไลฟ์ขายสิน

4.เลือกคนที่มีความสม่ำเสมอในคอนเท้นต์

ความสม่ำเสมอในท่ีนี้ ไม่ได้ถึง KOL ที่ต้องลงโพสต์ทุกวันเสมอๆอย่างเดียวนะคะ แต่หมายถึง KOL ที่การนำเสนอเนื้อหาหรือไลฟ์สไตล์ที่ไปทิศทางเดียวกันนั่นเอง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลุคของ KOL เหมาะสมกับสินค้าได้มากที่สุดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของเรา และทำให้ลูกค้ามีความภักดีกับสินค้าของเราค่ะ

5.เช็คปริมาณของคอนเท้นต์โฆษณา

ก็จริงอยู่ว่า KOL ที่มียอดติดตามเยอะจะช่วยให้ผลตอบรับของจ้าง KOL ของคุณดีขึ้น แต่ในบางครั้ง การที่ KOL บางคนมีการลงคอนเท้นต์โฆษณามากเกินไป หรือเรียกได้ว่ามากเกินกว่าโพสต์ที่ไม่ใช้โฆษณาไปมากๆ ก็อาจจะส่งผลเสียให้กับสินค้าของคุณเช่นกัน เนื่องจากการที่ KOL มีคอนเท้นต์โฆษณามากเกินไปจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อถือในตัว KOL หรือสินค้าน้อยลงด้วยเช่นกันค่ะ

6.ศึกษา KOL ก่อนจ้างงาน

หากคุณมี KOL ในใจอยู่แล้ว สิ่งที่คุณควรทำก่อนที่จะมีเริ่มจ้าง KOL คือการศึกษาทิศทางในการทำคอนเท้นต์ของ KOL ก่อนการติดต่อไป เพื่อเป็นการเริ่มต้นการผูกมิตรที่ดีกับ KOL และสร้างความประทับใจให้กับ KOL ก่อนที่จะมีการจ้างงาน ทำให้การคุยงานหรือการตกลงราคาเป็นได้ง่ายขึ้นค่ะ

7.วางแผนงบประมาณ

แน่นอนว่าร้านค้าต้องทราบอยู่แล้วว่าเรามีงบประมาณเท่าไหร และเป็นที่ทราบกันดีว่า KOL มีหลายระดับ   ค่าจ้างก็จะเปลี่ยนแปลงตามราคากันไหน เพราะฉะนั้นแต่ละร้านแต่ละแบรนด์จึงต้องวางแผนงบงประมาณให้ดีว่าตัวเองจ่ายไหวที่ระดับไหนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านการเงินในภายหลังนะคะ

รู้จัก “UGC” เทคนิคการสร้างคอนเท้นต์สุดปังของ KOL Marketing

ตอนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก KOL Marketing การทำการตลาดสุดปังที่นำเอา KOL เน็ตไอดอล นักไลฟ์มืออาชีพ มาใช้ในการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการไลฟ์ขายสินค้า หรือการโพสต์รูปโปรโมทสินค้า ซึ่งก็เห็นได้จากบล็อกที่ผ่านมา เกี่ยวกับกรณีศึกษา ความสำเร็จของประเทศจีน และการใช้ KOL Marketing มาช่วยทำการตลาดแล้วว่าการทำ KOL Marketing มันปังแค่ไหน วันนี้เราเลยจะมาพูดถึงวิธีการสร้างคอนเท้น ตามแบบฉบับของการทำ KOL Marketing ที่เรียกว่า UGC หรือ User Generated Content นั่นเอง

UGC คืออะไร?

User Generated Content คือรูปแบบคอนเท้นต์ที่ผู้ที่มีการใช้งานสินค้าเป็นคนที่ทำการรีวิวสินค้าชิ้นนั้น ๆ เอง โดยอาจเป็นการเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียล บล็อก หรือช่องทางส่วนตัวช่องทางอื่นๆของผู้ใช้ โดยที่ตอนนี้ผู้ใช้ก็จะอยู่ในฐานะ KOL นั่นเอง

แนวการทำ UGC ที่แบรนด์ไหนก็ทำได้!

1.เปิดพื้นที่ให้ผู้ใช้ได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นการใช้งานสินค้า

แบรนด์สามารถสร้างพื้นที่สำหรับลูกค้าหรือผู้ใช้สินค้าให้ให้เข้ามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้งานสินค้า หรือคอยอัพเดตสินค้าออกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บบอร์ด ฟอรั่ม หรือสร้างกลุ่มในเฟซบุ๊คที่จะให้ผู้ใช้ได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เหมือนเป็นชุมชนเสมือนจริง ช่วยเพิ่มยอดขาย แถมยังเป็นทางเลือกดีๆที่ช่วยรักษาฐานลูกค้าให้เหนียวแน่น ผูกพันกับแบรนด์มากขึ้นอีกด้วย!

2.สร้างแคมเปญให้ผู้ใช้มีส่วนร่วม

การจัดแคมเปญต่างๆ ที่ดึงดูดให้ลูกค้ามีส่วนร่วมให้การสร้างเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ หรือการทำแคมเปญที่เชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามาแบ่งปันรูปภาพหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ก็ถือเป็นการทำ User Generated Content ที่ดี ยิ่งถ้าเป็นจัดการแข่งขัน มีของรางวัลมาล่อตาล่อใจก็ยิ่งทำให้คุณภาพของเนื้อหาดี ก็จะยิ่งส่งผลให้การทำ User Generated Content มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

3.นำภาพจากผู้ใช้มาร่วมโปรโมทสินค้า

สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว เมื่อลูกค้ามีการแชร์รูปภาพการใช้งานสินค้า ทางแบรนด์ก็สามารถนำรูปภาพนั้นๆมาแชร์ในช่องทางของทางแบรนด์เด้วย แต่อย่าลืมขออนุญาติเจ้าของภาพ และให้เครดิต ก่อนจะนำมาแชร์ในช่องทางของทางแบรนด์เองด้วยน้า

4.มีของขวัญแลกเปลี่ยนกัน

ใครๆก็ชอบของฟรี! อีกแนวทางการทำ UGC ที่น่าสนใจก็คือการให้ผู้ใช้งานหรือลูกค้าแชร์ประสบการณ์การใช้งานสินค้าลงบนช่องทางของตัวเอง เพื่อแลกเปลี่ยนกับ Voucher ส่วนลด หรือสินค้าแบบฟรีๆ ถือว่าเป็นการได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายเลยทีเดียว